มนุษย์เราล้วนแต่รักตัวเอง ทั้งๆ ที่เรารักตัวเอง แต่บ่อยครั้ง…เรากลับทะเลาะกับตัวเอง อึดอัดใจกับการตัดสินใจของตัวเอง และบางครั้งก็ไม่สามารถยอมรับในสิ่งที่เราเป็นได้ แล้วเราก็เริ่มเบื่อตัวเองเข้าไปทุกที
ภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบทั้งการงานและครอบครัวอาจทำให้เราต้องดิ้นรนไขว่ขว้า ไม่สามารถอยู่นิ่งเฉยหรือหยุดพักได้ และที่มากกว่านั้นคือเรา “พักไม่เป็น” ไม่อาจผ่อนคลายตัวเอง จึงทำให้เกิดความเหนื่อยล้าภายในจนไม่อาจจะเป็นมิตรกับตัวเองได้
ชีวิตในสังคมสมัยใหม่ที่ดูเหมือนว่าจะทำให้เรามีความสะดวกสบายในทางวัตถุมากขึ้น มีงานที่ต้องทำ มีครอบครัวตามที่สังคมยอมรับ แต่หากหันกลับมาดูความสุขทางด้านจิตใจแล้ว กลับพบว่า เราเข้าถึงความสุขทางจิตใจได้น้อยลงทุกที กลายเป็นความทุกข์ทางใจมาแทนที่มากขึ้น
การอบรม “เป็นมิตรกับตัวเอง” เป็นการเปิดพื้นที่ให้เราได้หวนกลับมาทบทวนถึงสิ่งที่เราคาดหวังและยึดมั่นอย่างแน่นเหนียว ทั้งในด้านสุขและด้านทุกข์ของชีวิต จนสั่งสมเป็น “อัตตาในแบบเรา” ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว และ “อัตตา” นี่เองที่ได้กัดกร่อนจิตใจของเราให้อ่อนแอ บ่อนทำลายความสุข ความสัมพันธ์ ความไว้วางใจ หรือแม้กระทั่งความรักที่เรามีต่อตนเองและผู้อื่น และ “เรากำลังต่อสู้กับอัตตาของเราเอง” จนไม่อาจะจะกลับมาเป็นมิตรกับตัวเองได้
กิจกรรมหลากหลายรูปแบบในการอบรม “เป็นมิตรกับตัวเอง” จะช่วยให้ผ่อนจังหวะชีวิตของเราให้ช้าลง บรรเทาความเหนื่อยล้าทางร่างกาย แปรเปลี่ยนจิตใจที่เป็นทุกข์และเศร้าหมองให้กลับเป็นชีวิตที่สดใส เบิกบาน และงดงาม รวมทั้งคลี่คลายเงื่อนปมภายในใจเพื่อให้เรากลับมาเป็นมิตรกับตัวเองอีกครั้ง และเตรียมสติเพื่อเผชิญกับความไม่แน่นอนของชีวิตในอนาคตต่อไป
เนื้อหา
- ความเข้าใจเรื่องความตาย ภาวะใกล้ตาย (ไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว)
- เป็นทั้งวิกฤติและโอกาสในการบรรลุธรรมได้
- การดำรงชีวิตอยู่ให้เป็น รู้เท่าทันกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิต
- วิธีการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายแบบองค์รวม
- วิธีการภาวนาที่ใช้ในการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย (โพวา และทองเลน)
- การทำมรณสติภาวนา
- ไปเยี่ยมผู้ป่วยที่โรงพยาบาล
กระบวนการ
- พูดคุย แลกเปลี่ยนประสบการณ์ตรง
- กิจกรรมผ่านประสบการณ์ตรง บทบาทสมมติ กลุ่มย่อย
ผู้เข้าร่วมอบรม
จำนวน 40 คน
สถานที่
- ห้องโปร่งโล่งกว้างไม่มีสิ่งกีดขวาง เงียบสงบไม่มีเสียงรบกวน และเหมาะสำหรับทำกิจกรรมเคลื่อนไหว
- โรงพยาบาลที่พร้อมจัดให้ผู้เข้าร่วมอบรมเข้าเยี่ยมให้กำลังใจผู้ป่วยระยะสุดท้าย
ระยะเวลาการอบรม
3 วัน 2 คืน
ตารางการอบรม
วันแรก | |
09.00 – 12.15 น. |
|
12.15 – 13.15 น. | อาหารกลางวัน |
13.15 – 14.00 น. | ผ่อนพักตระหนักรู้ (นอนผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์) |
14.00 – 17.00 น. | แบ่งปันความรู้สึกนึกคิดของคนในสังคมปัจจุบันต่อเรื่องความตายและภาวะใกล้ตาย และเหตุปัจจัยที่กำหนดความรู้สึกนึกคิดนั้น |
18.00 – 19.00 น. | อาหารเย็น |
19.00 – 19.30 น. | สมาธิภาวนา |
19.30 – 21.30 น. | แลกเปลี่ยน “สภาพการตายที่พึงปรารถนาในมิติต่างๆ” และทำความเข้าใจเรื่องภาวะใกล้ตายและคติใกล้ตาย ทั้งทางกายภาพและจิตวิญญาณ |
วันที่สอง | |
07.00 – 08.00 น. | ทำบุญอุทิศส่วนกุศลเพื่อน้อมนำสู่การพิจารณาหลักไตรลักษณ์ หรือการปลงสังขารและสมาธิภาวนา |
08.00 – 08.45 น. | อาหารเช้า |
08.45 – 09.05 น. | สมาธิภาวนา / ฝึกภาวนาโพวา |
09.05 – 12.15 น. | หลักการการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายที่นำไปปฏิบัติได้จริง และฝึกทักษะการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายผ่านสถานการณ์จำลอง |
12.15 – 13.15 น. | อาหารกลางวัน |
13.15 – 14.00 น. | ผ่อนพักตระหนักรู้ (นอนผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์) |
14.00 – 17.00 น. | กิจกรรม “พลิกไพ่ สะท้อนชีวิต” |
18.00 – 19.00 น. | อาหารเย็น |
19.00 – 19.30 น. | สมาธิภาวนา |
19.30 – 20.00 น. | เขียนพินัยกรรมชีวิต |
20.00 – 21.30 น. | พิจารณามรณสติ (ตายก่อนตาย) |
วันสุดท้าย | |
07.30 – 08.45 น. | อาหารเช้า |
08.45 – 09.05 น. | สมาธิภาวนา / ฝึกภาวนาทองเลน |
09.05 – 12.15 น. | ฝึกทักษะการดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย และสรุปหลักการ |
12.15 – 13.15 น. | อาหารกลางวันและเดินทางไปโรงพยาบาล |
14.00 – 17.00 น. | ภาวนาร่วมกับผู้ป่วยในโรงพยาบาลเพื่อรับฟังให้กำลังใจ |
แบ่งปันประสบการณ์การเยี่ยมผู้ป่วย | |
สรุปการอบรม |
*อาจมีการปรับเปลี่ยนเวลาและกิจกรรมเพื่อความเหมาะสมกับเนื้อหาและกลุ่มผู้เข้าร่วม