การทำความเข้าใจในเรื่องความรู้และความจริง เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการเป็นพื้นฐานของความเป็นมนุษย์ เพราะมีผลต่อการดำเนินชีวิตและสังคมในทุกมิติ นับตั้งแต่เป็นตัวกำหนดคุณค่าพื้นฐานและการให้ความสำคัญในทัศนคติหรือความเข้าใจต่อการมองโลกและชีวิต ความทุกข์และสุข ตลอดจนพฤติกรรมการแสดงออก ความสัมพันธ์ระหว่างกัน และโครงสร้างหรือกลไกการทำงานต่างๆทางสังคม
การจะนำความรู้และความจริงเพื่อมาใช้เป็นประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์ จำต้องอาศัยปัจจัยเรื่องวิธีการแสวงหาความรู้หรือกระบวนการเรียนรู้อันสอดคล้องกับตัวบุคคลเป็นปัจจัยหลัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องอาศัยฉันทะหรือใจรักในการเรียนรู้ และฝึกฝนศักยภาพให้เกิดขึ้น
เฉพาะอย่างยิ่งทักษะของกระบวนการคิด การรับรู้และจับประเด็น เพื่อเท่าทันกับสภาพสังคมสมัยใหม่และระบบการศึกษาที่เน้นการท่องจำและทักษะทางอาชีพ ขณะเดียวกันข่าวสารข้อมูลที่ท่วมท้นแต่เป็นไปในลักษณะจำกัดความรู้และความจริงในมิติเดียวนั้น ไม่เพียงพอต่อความเข้าใจที่ถูกต้อง
เนื้อหา
- ทำความเข้าใจถึงเรื่องศาสตร์แห่งความรู้ โดยศึกษาว่าทรรศนะแต่ละยุคสมัยอธิบายในเรื่องความรู้และความจริงว่าคืออะไร แบ่งออกได้เป็นกี่แบบอย่างไรบ้าง จนถึงสังคมสมัยใหม่
- ทรรศนะการอธิบายแต่ละแบบ ใช้วิธีการในการเข้าถึงความรู้และความจริงอย่างไร ส่งให้เกิดผลอย่างไร และการอธิบายแต่ละแบบมีศักยภาพและข้อจำกัดหรือจุดแข็งและจุดอ่อนอย่างไร
- ทำความเข้าใจและฝึกฝนทักษะการแสวงหาความรู้โดยเน้นการฝึกจับประเด็นในลักษณะต่างๆ อาทิ ฝึกจับประเด็นในการอ่าน การเขียน การฟัง
กระบวนการ
- สร้างกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันผ่านการพูดคุยแลกเปลี่ยน
- เรียนรู้และฝึกฝนทักษะด้านต่างๆ ผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมและกิจกรรมผ่านประสบการณ์ตรง
- ใช้กระบวนการถอดบทเรียนจากกิจกรรมผ่านประสบการณ์ตรง เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในมุมมองที่หลากหลาย และสามารถเชื่อมโยงความรู้ไปสู่ชีวิตจริง
ผู้เข้าร่วมอบรม
จำนวน 30 คน
วิทยากร
วีระ สมบูรณ์ , พิภพ ธงไชย , อุทัย ดุลยเกษม , ประชา หุตานุวัตร , อรศรี งามวิทยาพงศ์ , ปรีดา เรืองวิชาธร
สถานที่
ห้องโปร่งโล่งกว้างไม่มีสิ่งกีดขวาง เงียบสงบไม่มีเสียงรบกวน และเหมาะสำหรับทำกิจกรรมเคลื่อนไหว
ระยะเวลาการอบรม
3 วัน 2 คืน
ตารางการอบรม
(อยู่ระหว่างการปรับปรุง)